วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ใส่ใจ

ทำไมเรื่องที่เราใส่ใจมันมักเกิดเรื่องไม่ดีตลอดเลย
เช่นวันนี้จะดูพระอาทิตย์กลับเจอเมฆบัง
รีบทำงานส่งเครื่องปริ๊นเสียบ้าง เนตไม่ได้บ้าง
เมื่อกี้ก็เกิดขึ้น เราพิมไปตั้งเยอะแต่คิดว่าจะไม่ก๊อปปี้
ข้อความไว้เพราะคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กลับเนตเจ๊ง
พิมใหม่
ทำไมล่ะๆๆๆ
หรือจิตใต้สำนึกมันสามารถสั่งการสิ่งของได้

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

DOGVILLE

หลังจากที่อดทนดูหนังเป็นเวลา 178 นาที
กับหนังที่มีแต่บทพูดที่นิโคล คิดแมนเล่น
สปอย สปอย สปอย
หนังว่าด้วยเมือง DOGVILLE (เมืองหมา) อันแสนห่างไกล
สงบ ห่างไกลผู้คน และเป็นเมืองเล็กๆ
ผู้หญิงที่ชื่อเกรชได้หนีจากการตามล่าของมาเฟียมาขออาศัยอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น
แต่พอมีใบปรกาศว่า เกรชเป็นโจรค่าหัว
ทุกคนก็ตลบหลังเธออย่างสาสม
ทำเหมือนกับเธอเป็นทาส
ทั้งขมขื่น ล่ามโซ่ ใช้งาน สารพัด
แต่เรื่องที่ร้ายกาจที่สุดคือ การโทรไปบอกมาเฟียให้มาจับเธอไป
เหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบชาวเมืองด๊อกวิวคิดไว้
เมื่อความจริงถูกเปิดเผย
เธอเป็นลูกสาวมาเฟีย
การแก้แค้นของเธอก็เริ่มขึ้น
จากนั้นเมืองด๊อกวิวก็หายไปจากแผ่นที่
อะไรที่ได้จากหนังเรื่องนี้ ความสนุก ความสะใจ หรือความสมเพศเวทนา
อะไรคือสิ่งที่เธอควรได้รับ
อะไรคือสิ่งที่ชาวเมืองควรได้รับ
เรื่องประมาณ Kill Bill นะว่าไหม
แต่ต่างกันเพราะที่เกรชทำกับชาวเมืองด๊อกวิว คือ
เธอฆ่าแบบชาติหน้าไม่ต้องเกิด
คงไม่มีใครตามมาแก้แค้นเธอมั้ง
แล้วอะไรคือความจริง ความจริงเราก็ยังคือสัตว์นะว่าไหม
แม้จะมีศาสนามาขัดเกลา บางทีมันก็เอาไม่อยู่น่ะ
ถ้าโลกนี้มันเน่าซะขนาดนั้น ถ้าเรามีอำนาจซะขนาดนั้น
คงจะไม่ปล่อยให้ใครมากระทำเราฝ่ายเดียวหรอก
อย่างที่เกรชว่า
บางทีเราต้องลงมือทำอะไรสักอย่างให้เรื่องนี้มันจบ
จบ

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Take me home

หลังจากเพิ่งกลับจากบ้านมา
ก็มีอะไรน่าสนใจมาก
เรื่องแรกคือข้างๆบ้านกูเป็นประมาณเหมือนเพิงหมาแหงน(โทรมๆ) เปิดไว้เป็นที่หยอดเหรียญ
ซักผ้า มีประมาณ 4 ตู้ แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น
มันมีอินเตอร์เนตไว้ให้เล่นหยอดเหรียญ 5 บาท
ได้ 20 นาที มี 2 เครื่อง และก็จอ 19 นิ้ว
แบบว่าเจ้าของร้านก็กลัวหาย เลยเอาไม้หน้าสามทาสีน้ำมัน
มาอัดไว้ไม่ให้มันขยับไปไหน
แล้วก็มีกล้องวงจรปิด มันเป็นการลงทุนที่คุ้มเหรอวะ
งงกะมัน กลับกลายเป็นว่าคนไม่หยอดซักผ้า กลายเป็นว่า
มีเด็กมาเล่นแทน 555+ อธิบายก่อนว่าร้านนี้
ไม่มีประตูเปิดปิด เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ตลกนะ
ดูหรูแต่ขัดกับสภาพร้าน
เรื่องที่สอง
น้องหมาน่าโง่
คือที่บ้านเลี้ยงหมาไว้ 1 ตัว
มันคือพันธ์พุดเดิ้ลดุ๊กดิ๊ก
นางเป็นเพศผู้แต่นางสดิ้งมาก เลยขอเรียกว่านาง
พอกูกลับมาถึงบ้านด้วยรถโดยสาร เพราะที่บ้านไม่มีคนอยู่
นางก็โผล่มาจากบ้านใครไม่รู้แล้วกระโจนใส่กูด้วยความดีใจ
จากขนมันสีขาวก็เป็นสีดำ
นางกลิ่นตัวแรงมาก เหมือนหมาข้างถนน
(คือปกติน้องเป็นคนเลี้ยง แต่มันไปเรียนต่างจังหวัดแล้ว
นางเลยไม่มีเจ้าของ)
นางเข้าบ้านได้ก็ตะกุยโซฟาราวกับว่ามันเป็นดิน
ด้วยความที่นางดำก็เลยต้องอาบน้ำให้นาง
นางไม่ร้องแต่ขนนางแห้งยากมาก
เอาไดเป่า 1 ชั่วโมง ก็ไม่แห้ง
เลยช่างแม่งเหนื่อยแล้ว
จากนั้นนางก็ดูเป็นดงผู้ดีทันที
ก็เลยพานางไปวิ่งพอถึงสนามเด็กเล่น
เลยปล่อยโซ่ นางทำใงรู้ไหม
นางวิ่งกลับบ้าน
เสร่อมาก
พอวันหลังจะออกจากบ้าน
นางก็จะวิ่งมาดักรอเพื่อจะออกไปด้วย
ก็คิดในใจว่ามึงจะออกทำไมเดี่ยวมึงก็วิ่งกลับอีก
ก็เลยแอบออกหลังบ้าน
แล้วมาเยาะเย้ยมันหน้าบ้าน
นางงงเลย ว่ามนุษย์ออกมาได้ใง
อู้ย นางเป็นหมาสร้างภาพมาก
พออยู่บ้านเล่นกะนางนางไม่เล่นด้วยชอบนอน
พอมีญาติมาปึบ นางก็ก็จะร่าเริงมาเล่นกะกู
ราวกับว่าเป็นหมาที่ทานเพรชดีกรี
แต่พอเวลาทานอาหาร นางก็มีจริตจกร้าน
พอเอาให้นะไม่ทาน
พอเผลอปั๊บนางก็ค่อยๆกิน
มีวันหนึ่ง เอานางเข้ามานอนในห้องนอน
นางก็เกิดบ้าอะไรไม่รู้
เห่าตู้เสื้อผ้าที่เปิดอยู่
กูหลอนไปเต็มๆๆ
ไล่ออกจากห้องเลย
บอกว่าจะไปนอนไหนก็ไป
นางเป็นหมามีชื่อ น้ำแข็ง
แต่กูชอบเรียกว่าหมามากกว่า
มันก็เข้าใจนะ
แต่พอมันออกจากบ้านถ้าวิ่งไล่มันมันจะวิ่งหนี
แต่ถ้าหนีมันมันจะวิ่งตาม
เป็นหมาน่ารัก
พอกูอยู่บ้านเบื่อๆก็ไปใช้บริการเนต 5 บาท
ที่ร้านซักผ้า นางถึงกับเปิดบ้านเองแล้วมานั้งรอ
เรื่องนางเยอะ
ใครรู้เรื่องหมาช่วยอธิบายที
ว่านางอยากได้อะไร
เผื่อจะถูกใจนางบ้าง
นางดูเบื่อกับการเป็นหมา
วันหลังจะเล่าเรื่องเลี้ยงรุ่นให้ฟัง บาย...........

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สารประกาศ

เพื่อนๆขอความกรุณาพิมพ์ตัวอักษรตัวใหญ่อ่านง่ายมีหัวเพื่อความสะดวกของเพื่อนในการอ่านบล๊อกของท่าน
เพื่อนๆขอความกรุณาพิมพ์ตัวอักษรตัวใหญ่อ่านง่ายมีหัวเพื่อความสะดวกของเพื่อนในการอ่านบล๊อกของท่าน
เพื่อนๆขอความกรุณาพิมพ์ตัวอักษรตัวใหญ่อ่านง่ายมีหัวเพื่อความสะดวกของเพื่อนในการอ่านบล๊อกของท่าน
เพื่อนๆขอความกรุณาพิมพ์ตัวอักษรตัวใหญ่อ่านง่ายมีหัวเพื่อความสะดวกของเพื่อนในการอ่านบล๊อกของท่าน

นิทานหิ่งห้อย

หลังจากที่เรียนCD5 เสร็จก็มีโอกาสได้ไปอัมพวา เอิกเกริก นะกูนิ
เอาเป็นว่าฝนตกไปถึงก็ประมาณ6โมงเย็นพอดี โอ้แม่เจ้า...ผู้คนดูเอิกเกริกมาก ราวกับมีงานวัด
อยากจะบอกว่าก็ประทับใจนะว่าสามารถทำให้หมู่บ้านเล็กๆเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แลดูเก๋ตลอดเวลา
อาหารข้างทางอร่อยมาก แต่ที่แปลกคือ....ข้าวราดแกงเป็นชิ้นๆรสๆ
นั้นนะสิมันก็อร่อยนะ ก้อนละห้าบาทอิ่มเชียว
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่นั้นมันอยู่ที่ นั้งเรือไปดูหิ่งห้อย คนละ60บาท ไอ้เราก็อะมาแล้วไปดูสิ
ก่อนจะลงท่าเรื่อง มันก็มีหลายเจ้านะ แต่ประเด็นคือ
เกือบทุกท่าเรือลงไปดูหิ่งห้อย จะมีคุณลุงคุณป้ามาร้องคาราโอเกะกล่อมลงเรือ
แล้วถ้าเรามองปั๊บ คุณลุงก็จะหันมาสบสายตาพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาให้.....
ไม่เว้นแม้แต่ร้านอาหารและร้านตัดผม
ก็จะมีคุณลุงคุณป้าร้องเพลงให้ฟัง ไม่ได้ร้องแบบสนุกนะบางคนดูซีเรียสเหมือนแกกำลังประกวดอยู่
เอ้า ....ก็ผ่านหลายท่านะส่วนมากก็มีโฮมสเตย์เยอะ แล้วคนในบ้านก็จะปาร์ตี้กันเม้ามอยกันไป
(ขอบอกก่อนว่ากูนั้งเรือหน้าสุด) พอเริ่มเข้าที่มืดซึ่งมืดจริงๆ
ก้จะเห็นหิ่งห้อยซึ่งไม่ขยับ อยู่ตามต้นลำพู (ทำไมต้องต้นนี้ล่ะ) แบบว่าเปล่งแสงพร้อมกันราวกับต้นคริสมาส
พอเอาไฟส่องก็หาย แต่ทำไมมันไม่ขยับไปไหนล่ะ หรือมันเป็นไฟคริสมาส
พี่น้องเหตผลคือ......ถ้ามันบินออกมาจากต้นลำพู นกจะมากินมันทันที
แต่พอดูนานๆก็เบื่อนะ เพราะเรือจะพาเราไปดูประมาณชั่วโมง ดูหิ่งห้อยจนตาแฉะ ดาวบนฟ้าสวยกว่าเยอะ
แต่มีเรื่องน่ากลัวด้วยนะ เพราะมันมืดมาก...
มันก็ผ่านท่าเรือหนึ่งซึ่งมีเงาตะคุ้มอยู่บนท่าว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานอะไรสักอย่าง
แล้วข้างๆมันคือรูปปั้นตัวอะไรไม่รู้น่ากลัวโค้ด (คิดสภาพหนังเรื่องนางนากอะ ประมาณนั้น)
ขากลับเขาขับเร็วมาก แล้วน้ำมันก็กระเซ็นใส่หน้าจ๊า.......

วันอาทิตย์
วันนี้ต้องไปดูละครเวทีแม่นาคพระโขนงเดอะมิวสิเคิล
เอิกเกริกนะ ไม่เศร้าเพราะไม่อินด้วยเราถูกปลูกฝังว่าแม่นาคต้องน่ากลัวเลยไม่เศร้าทั้งๆที่หนังเศร้า
แต่ดูฉากก็คุ้มแล้ว บางทีก็มีผีวิ่งมาจากไหนไม่รู้ คนดูก็กรี๊ด บางทีแม่นาคก็สลิงลอยมาหาคนดู มันน่ากลัวนะ
ฉากก็ดี แต่ตลกธงๆอะ ฮาๆๆ
เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังอีกเบื่อแระ
บาย...

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แสนคมคนสวย

ประเด็น คือแสนคมให้กูรอนานมากที่ตลาดนัดธรรมศาสตร์ แต่มันได้แค่กิ๊บอันเดียว ปลื๊มนะที่เพื่อนช่วยแม่ประหยัดเงิน